เรียกว่าเป็นปัญหาโลกแตกของสาวๆที่ชอบF ชอบช้อปเครื่องสำอาง เขาว่ามีไว้ก่อนให้อุ่นใจ ใช้เป็นไม่เป็นค่อยว่ากัน ซึ่งพอถึงเวลาต้องใช้จริงก็หน้ามืดเพราะไม่รู้ว่าใช้ยังไง
เครื่องสำอางที่ได้รับความนิยมในการซื้อเก็บสะสมก็คือ ลิปสติกกับอายแชร์โดว์ และคำถามที่เจอบ่อยสุดๆเกี่ยวกับอายแชร์โดว์ก็คือ สีเยอะเกินใช้ไม่ถูก จับคู่สียังไงถึงจะรอด ช่างแต่งหน้าเขามีวิธีดูยังไงว่าสีไหนสวย ถ้าพาเลทหนึ่งมีเป็นสิบสีแล้วเลือกสีไหนดี
วันนี้ครูจะมาบอกเทคนิคการจับคู่สีอายแชร์โดว์ให้เหมาะกับตัวเอง และถูกใจกับสไตล์ตัวเองด้วย มาเริ่มที่ขั้นตอนที่1 ตั้งสติก่อนสตาร์ท
ก่อนจะซื้อตามที่เขากำลังฮิตๆกัน ตั้งสติก่อนว่าพาเลทอายแชร์โดว์ที่เลือกเป็นสีที่เราจะสามารถใช้ได้จริงๆ เพราะความเป็นจริงคือ พาเลทที่กำลังได้รับความนิยม พาเลทที่ราคาแพงไฮเอ็น หรือแม้กระทั่งพาเลทที่สวยสำหรับคนอื่นๆ อาจจะไม่ได้เป็นสีที่สวยที่สุดของเราก็ได้ เพราะพื้นฐานสีผิวของแต่ละคนไม่เท่ากัน ดังนั้นนอกจากความชอบแล้วต้องไม่ลืมดูตามความเหมาะสมกับสีผิวของตัวเราด้วย นอกเสียจากว่าเน้นซื้อไว้ในครอบครองเป็นคอลเลคชั่นสะสมเพื่อความอุ่นใจ
ขั้นตอนที่2 เทสสีก่อนซื้อ
เทสสีก่อนซื้อ สิ่งที่ต้องระวังเกี่ยวกับเครื่องสำอางจำพวกสีสันคือ สีที่ตาเห็นในพาเลทกับสีที่อยู่บนผิวเราอาจจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับเบสสีผิวของเรา พิกเม้นท์ความชัดของสีผลิตภัณฑ์ การเกาะผิวของอายแชร์โดว์ ดังนั้นจะมองๆหรือดูรีวิวเพียงอย่างเดียวก็อาจจะไม่พอ ต้องลองเทสเท่านั้น เราถึงจะรู้จริงๆว่าเรารอดมั้ยกับอายแชร์โดว์พาเลทนี้ อย่่าลืมเทสในแสงขาวด้วยนะคะ ป้องกันการมองสีเพี้ยน
ขั้นตอนที่3 เล่นสีให้ครบทุกสีจนพอใจ
เมื่อสอยกลับมาบ้านแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการจับคู่สีเป็นเซตๆ ส่วนใหญ่อายแชร์โดว์แต่ละแบรนด์จะมีการออกแบบเป็นคอลเลคชั่น โดยการเลือกสีที่อยู่ในโทนเดียวกันแต่หลากหลายเท็กเจอร์ตามคอนเซปที่วางไว้ ช่วยให้เราเลือกสีมาใช้ได้ง่าย การจับคู่สีที่พอเหมาะพอดีจะช่วยให้เมคอัพคุมโทนได้ดีและดูสมบูรณ์แบบมากขึ้น และทำให้อายแชร์โดว์เพียงหนึ่งพาเลทสามารถสร้างลุคเมคอัพที่แตกต่างและหลากหลายขึ้นมา เหมือนเรากำลังสร้างศิลปะขึ้นมาเลยค่ะ แถมเป็นการออกแบบที่ไม่มีกรอบหรือข้อจำกัดอีกด้วย ปัญหาคือแล้วการจับคู่สีทำยังไง ให้เราเริ่มจาก การเอาแต่ละสีมาสวอทจนพอใจก่อน เราจะได้รู้ว่าแต่ละสีแตกต่างกันยังไง และราชอบสีไหนบ้าง
ขั้นตอนที่5 เริ่มกระบวนการจับคู่โดยดูที่สีเป็นหลัก
การจับคู่สีแบบง่ายที่สุดคือการเลือก 2 สีคือ สีอ่อนคู่สีเข้ม เช่น สีชมพูอ่อน – สีชมพูตุ่นอมม่วง, สีส้มอ่อนประกายชิมเมอร์ – สีน้ำตาลอมส้ม, สีทอง – สีน้ำตาลเข้ม พยายามให้โทนสีไปในทางเดียวกันจะทำให้เมคอัพเราดูไม่โดดหรือสีตัดกันจนเกินไป
การจับคู่ที่ยากขึ้นมาอีกแล้วเวลา คือการเลือก 3 สี อ่อน – กลาง – เข้ม การจับเซตสีแบบนี้จะทำให้เกิดมิติมากกว่า 2 สี เมคอัพดูละมุนและมีการไล่สีที่สมูทกว่า โดยเราจะเริ่มด้วยการหาสีที่อ่อนที่สุดก่อน แล้วก็หาสีเข้มสุด จากนั้นจึงค่อยหาสีกลาง วิธีก็คือการลองแตะสีที่คิดว่าน่าจะใช่มาลองเทียบๆดูก่อน ถ้าเข้มไปอ่อนไป ค่อยเปลี่ยนสี
ขั้นตอนที่6 ดูสีแล้วอย่าลืมดูเนื้ออายแชร์โดว์ด้วย
อายแชร์โดว์จะมีเนื้อเทกเจอร์ แบ่งง่ายๆออกเป็น 3 แบบง่ายๆ คือเนื้อแมท เนื้อวาว เนื้อชิมเมอร์ เรามาดูกันทีละตัวค่ะ
- เนื้อแมท – คือสีอายแชร์โดว์ที่เป็นสีเพียวๆ ไม่มีความเงาวาว ไม่มีประกาย มีหน้าที่สร้างเงาให้ดูลึกเข้าไป เหมาะกับคนที่หนังตาบวมหรือตาตุ่ย ให้Finish lookที่ดูเรียบหรู สุภาพ เป็นทางการ
- เนื้อวาว – คือสีอายแชร์โดว์ที่มีลักษณะสะท้อนแสง ให้คิดถึงหนังปลาทูไว้ค่ะ มันจะมีความวาวคล้ายๆกัน ส่วนจะวาวมากวาวน้อยอยู่ที่่การออกแบบของแบรนด์ตามคอลเลคชั่นนั้นๆ เหมาะกับคนที่เบ้าตาลึกต้องการให้ดูท้อปขึ้นมา สังเกตว่าฝรั่งจะชอบใช้เนื้ออายแชร์โดว์ลักษณะนี้เพราะเบ้าตาเขาจะลึกกว่าของฝั่งเอเชียแบบเรา ต้องระวังสำหรับสาวๆที่หนังตาเยอะ บวมจะยิ่งทำให้ดูตาบวมขึ้นมาอีกค่ะ
- เนื้อชิมเมอร์ – คืออายแชร์โดว์ที่สีไม่ค่อยชัด แต่เน้นไปที่ประกายวิบวับของชิมเมอร์ ทำให้ดูมีมิติเล่นไฟ ทำให้ดูอ่อนหวาน เป็นธรรมชาติ ใช้ได้ทุกรูปตา เราจะเห็นการใช้เนื้ออายแชร์โดว์ประเภทนี้จากสาวๆฝั่งเกาหลีเป็นส่วนใหญ่ เป็นเนื้อที่ครูชอบใช้ที่สุดเพราะทำให้โทนแต่งดูเบาละมุนและหวานเป็นธรรมชาติ อย่าลืมดูความละเอียดของชิมเมอร์ด้วยนะคะ ยิ่งละเอียดยิ่งสวยค่ะ
เมื่อเรารู้ลักษณะของเนื้อเท็กเจอร์แล้ว การจับคู่สีของเราก็ง่ายขึ้น เพราะเราจะรู้ว่าเนื้อแบบไหนที่เราควรเลี่ยง เนื้อแบบไหนที่เหมาะกับรูปตาเรา
ขั้นตอนที่7 เมื่อลองสีจนพอใจ อย่าลืมนำสีที่จับคู่กันมาสวอทเรียงกันอีกรอบเพื่อความชัวร์ว่าเวิคจริงๆ ทาออกจากบ้านแล้วดูสวยมั่นใจ การเลือกซื้อครั้งต่อไปเราก็จะขยับเลเวลขึ้นมาใกล้เคียงกับช่างแต่งหน้ามืออาชีพแล้วค่ะ
พาเลทที่นำมาใช้อธิบายวันนี้เลือกเป็นของ Ashley คอลเลคชั่น Meteor Storm ซึ่งเป็นอายแชร์โดว์ worm tone คือโทนร้อนที่เหมาะกับสาวผิวเหลืองแบบเรา พาเลทนี้ทำเฉดสีมาค่่อนข้างคุมโทนชัดพอสมควร ทำให้เลือกจิ้มสีใหนก็ค่อนข้างรอด อาจจะมีบางสีที่ออกเทาก็จะใช้ยากนิดหนึ่งสำหรับสาวผิวเข้ม
มีเนื้อเท็กเจอร์ครบทั้งแมท วาว ชิมเมอร์ ช่วยให้การจับคู่สีของเรามีลูกเล่นที่หลากหลายขึ้น
พิกเม้นท์ความแน่นของสี ทำมาได้ดีพอสมควร ติดทนและสีชัด
ความเป็นประกายของชิมเมอร์ มีหลากหลายขนาด ทั้งแบบเม็ดเล็กหวานๆ และแบบเม็ดใหญ่ที่เหมาะการทาไปงานกลางคืนที่ต้องการความโดดเด่นเล่นแสงไฟ
ความหลากหลายของสี มีโทนเหลืองทอง ส้ม คอปเปอร์ ชมพูอ่อน น้ำตาลส้ม น้ำตาลอมแดง น้ำตาลอมเหลือง
การออกแบบ Packaging พาเลทเป็นกระดาษ มีกระจก แข็งแรก การออกแบบสวยถูกใจสายวิบวับ ถ้าถามครู ครูมองว่าให้ฟีลลิ่งแบบมนต์เสน่ห์ของกาแล็กซี่และดวงดาวทั้งดูสวยและเซ็กซี่ในคราวเดียวกัน
ราคา ซื้อตอนอีฟแอนด์บอยลดราคา น่าจะประมาณ 200 – 400 บาท
กลิ่น ไม่มีกลิ่น
สรุปคะแนน
ถ้าเทียบราคา คุณภาพ เฉดสี เต็ม 10 ครูให้ 8 เลยค่ะ มีหักในเรื่่องสีที่ใกล้เคียงกันมากจนทำให้ดูเหมือนแต่ละสีไม่มีความแตกต่างกัน สำหรับมือใหม่อาจจะงงๆว่าสีมันต่างกันยังไง
สำหรับการรีวิวและจับคู่สีตัวอย่างมาให้ดูวันนี้ ครูหวังว่าสาวๆจะมีความสุขกับการช้อปปิ้งและแต่งหน้ากันมากขึ้นนะคะ
พูดคุยกันได้ที่ Line @minimaru
อย่าลืมกดติดตาม FB Fanpage และ IG minimaru.makeup เพื่อดูอัพเดทผลงานแต่งหน้าและฮาวทูสอนแต่งหน้าใหม่ๆค่ะ
#รีวิว #review #รีวิวอายแชร์โดว์ #reviewEyeshadow #สอนแต่งหน้า #เรียนแต่งหน้า #แต่งหน้าตัวเอง #แต่งหน้าประกอบอาชีพ #ช่างแต่งหน้า #Ashley #MeteorStorm #Eyeshadow #eveandboy #แต่งตา