สำหรับสาวๆที่อยากใช้แปรงแต่งหน้าแต่ใช้ไม่เป็น แยกไม่ออกว่าแปรงไหนใช้อย่างไร ยิ่งแปรงมีหลากหลายแบรนด์ หลากหลายแบบยิ่งงงไปกันใหญ่ ต้องบอกว่า You not aloneค่ะ เพราะทุกคลาสที่ครูสอนสาวๆก็ใช้กันไม่เป็นทั้งนั้นเลย วันนี้ครูเลยมาเขียนแบบย่อและง่ายๆสำหรับสาวมือใหม่จริงๆ ว่าแต่ละแปรงมันคืออะไรใช้แบบไหน เราจะได้สนุกไปกับการแต่งหน้ามากขึ้นนะคะ
.
.
ก่อนที่จะไปดูว่าแปรงแต่ละแบบเป็นแบบไหน เรามารู้จักกันก่อนค่ะว่า แปรงขนสัตว์และขนสังคราะห์ต่างกันยังไง
.
.
แปรงขนสัตว์
ข้อดี จิกสีของเครื่องสำอางได้ดี ทำให้ได้สีที่ชัด ทนนาน แตะเบาๆก็ติดสีเยอะ
ข้อเสีย ล้างบ่อยมากอาจทำให้แปรงเสียรูป และเกิดกลิ่นอับง่าย ราคาแพงกว่าแปรงขนสังเคราะห์ ใช้ได้ดีกับเเครื่องสำอางประเเภท ฝุ่น เช่นอายแชร์โดว์ บรัชออน แป้งฝุ่นเหมาะสำหรับใคร สาวๆที่ใช้แปรงแต่งหน้าบ่อย กะน้ำหนักมือเวลาแต่งหน้าได้ดี มือเบา เพราะถ้ามือหนักหรือกะแรงไม่เก่ง มีโอกาสที่สีจะติดบนผิวเป็นจ้ำๆ
.
.
แปรงขนสังคราะห์
ข้อดี ขนแปรงนุ่ม ล้างทำความสะอาดง่ายไม่เสียรูป ทำความสะอาดได้บ่อยกว่าขนสัตว์ ราคาถูกกว่าแปรงขนสัตว์
ข้อเสีย จิกสีได้ไม่ดีเท่าแปรงขนสัตว์ ทำให้ต้องแตะสีบ่อยครั้งกว่า
ใช้ได้ดีกับครื่องสำอางประเภทครีม เช่นรองพื้น คอนซีลเลอร์
หมาะสำหรับ สาวๆมือใหม่ที่ยังจับแปรงและกะน้ำหนักมือไม่เก่ง สาวมือหนัก เพราะโอกาสสีติดชัดเป็นจ้ำน้อยกว่า
.
.
.
เมื่อเลือกลักษณะขนแปรงที่เหมาะกับตัวเองได้แล้ว ก็มาทำความรู้จักกับประเภทการใช้งานของแปรงกันต่อค่ะ
แปรงเปียก คือแปรงที่มีขนแน่นทำให้เกลี่ย ปาดเนื้อครีมได้ดี เหมาะสำหรับใช้งานกับเครื่องสำอางเนื้อครีมเช่น รองพื้น คอนซีลเลอร์
แปรงแห้ง คือแปรงที่มีขนฟูนุ่ม เหมาะสำหรับใช้งานกับครื่องสำอางประเภทฝุ่น เช่นแป้ง บรัชออน อายแชร์โดว์
.
ถ้านำแปรงเปียกมาใช้กับฝุ่นก็จะทำให้ไม่เกิดความฟุ้งละมุน เพราะตัวขนเรียงตัวมาแน่นไม่มีความฟู ขณะดียวกัน ถ้านำแปรงแห้งมาใช้กับครีมก็จะไม่สามารถเกลี่ยเนื้อครีมได้เพราะขนมีลักษณะฟูนุ่มนั่นเองค่ะ ดังนั้นจะต้องแยกให้ออกก่อนนะคะว่าที่เรามีอยู่ตอนนี้ป็นแปรงเปียกหรือแปรงฝุ่นค่ะ
.
.
.
เวลาที่เราซื้อเซตแปรงมา เราจะเริ่มกันใช่มั้ยคะว่า แปรงไหนเป็นแปรงไหนใช้ทำอะไร ส่วนใหญ่แล้วเราสามารถปรับเปลี่ยนได้ว่าอยากจะเอามาใช้เครื่องสำอางอื่นๆด้วยได้ ขอแค่ไม่ใช้สลับแปรงเปียกกับแห้งก็พอค่ะ
.
วันนี้ครูขอเอาเซตแปรงที่ครูใช้สอนมาเป็นตัวอย่างในการดูนะคะ เพราะเป็นเซตที่เหมาะสำหรับมือใหม่ตรงที่ด้ามเขามีเขียนบอกว่าเป็นแปรงอะไร ขนนุ่มและราคาไม่แพงมาก ค่อนข้างครบทุกการใช้งาน เซตนี้ครูซื้อมาลองใช้เองก่อนรู้สึกว่าโอเคถึงค่อยซื้อมาให้ลูกศิษย์ในคลาสเรียนค่ะ แล้วได้ฟรีมาอีกเซตจากทางร้าน Makeup Story จึงขอเอามาใช้อธิบายเลยแล้วกันนะคะ อันนี้เป็นแปรงขนสังเคาระห์เหมาะสำหรับมือใหม่ค่ะ ไปลองดูกัน
.
มารู้จักแปรงแบบที่ 1 กันดีกว่า เราเรียกว่า Powder Brush หรือแปรงแป้งนั่นเอง
ถ้าซื้อเซตแปรงมา 1 เซต เราจะเจอแปรงอันที่ขนฟูและมีขนาดใหญ่ที่สุดในเซต อันนั้นแหละค่ะ เรียกว่าแปรงแป้ง มีไว้ใช้ปัดแป้งฝุ่นเวลาเซตผิวกับรองพื้น ปัดฝุ่นส่วนเกินออกจากใบหน้า ใช้ปัดแป้งทูเวย์เพื่อให้ได้ผิวที่บางเบากว่าการใช้พับ
คำถามคือ เราสามารถนำไปใช้บรัชออนพื่อปัดแก้มได้มั้ย อันนี้จะต้องดูว่าแปรงที่บ้านเรามีขนาดใหญ่แค่ไหน ถ้าไม่ใหญ่มากก็สามารถปรับไปใช้ปัดแก้มได้ แต่จะต้องทำความสะอาดใหม่ทุกครั้งก่อนมาใช้ปัดแป้งอีกรอบ เพราะจะทำให้ติดสีของบรัชออนเวลาเอาไปปัดแป้งอีกรอบ ก็ถือว่าลำบากพอสมควร ดังนั้นแปรงแป้งควรอาไว้ปัดแป้งอย่างดียวจะเหมาะสมกว่าค่ะ
.
.
.
.
แปรงแบบที่ 2 Angled Blush Brush แปรงตัวนี้จะมีลักษณะขนฟูปานกลาง และมีหน้าตัดเฉียงลง ใช้ได้หลากหลายเลยค่ะ ไม่ตายตัว ด้วยลักษณะที่หน้าตัดเฉียงทำให้เหมาะเวลาใช้งานโดยจับแปรงสะบัดแบบเฉียงลง เช่นการปัดบรัชออน การปัดเฉดดิ้งบริเวณกรอบหน้า เฉดดิ้งใต้โหนกแก้มหรือชีคโบน เฉดดิ้งกรอบไรผมปิดเหม่ง
.
.
.
.
แปรงแบบที่ 3 Blush Brush แปรงหัวพุ่มลักษณะแบน ขนาดพุ่มไม่ใหญ่มากทำให้แปรงนี้สามารถใช้ปัดแก้มก็ได้ หรือจะปรับใช้ในการปัดไฮไลท์ก็ได้ค่ะ หรือถ้าอยากจะปรับไปใช้ปัดเฉดดิ้งก็พอได้ไม่ผิดกติกา แต่ว่าจะใช้งานยากหน่อยพราะพุ่มไม่ใหญ่มากต้องปัดหลายรอบและต้องระวังเป็นเส้นจ้ำๆ เพราะลงน้ำหนักแต่ละครั้งไม่ท่ากันด้วยนะคะ ทางที่ดีใช้ปัดแก้มหรือปัดฝุ่นไฮไลท์จะเหมาะกว่าค่ะ
.
.
.
.
แปรงแบบที่ 4 Angled Foundation ตัวขนแปรงจะมีลักษณะแบนตัดเฉียงหรือไม่ตัดก็ได้ ขนแน่นซึ่งการใช้งานคือตามชื่อเลยค่ะ มีไว้เพื่อเกลี่ยรองพื้นให้ทั่วใบหน้า ใช้ได้ทั้งรองพื้นที่มีความเหลวมากถึงปานกลาง ข้อเสียคือมักจะมีทีแปรง หรือรอยเส้นของแปรงทิ้งไว้ไม่เนียนกริ้บ แนะนำให้ใช้ฟองน้ำย้ำอีกรอบจะได้รองพื้นที่แน่นอยู่ทนและเนียนค่ะ แต่ถ้าไม่มีฟองน้ำสาวเกาหลีเขาใช้เทคนิคปัดไปมาๆหลายๆทิศทางค่ะก็จะช่วยลดทีแปรงได้พอสมควร
.
.
.
.
แปรงแบบที่ 5 Concealer Brush แปรงหัวพุ่มและแน่นขนาดไม่ใหญ่มาก ถ้าดูจากรูปจะรู้ว่าขนาดประมาณนิ้วโป้งนะคะ ถ้าขนแปรงมีความแน่นไม่ฟูแน่นอนว่าจะเป็นแปรงเปียก เหมาะสำหรับการเกลี่ยน บัพเนื้อครีมจำพวกรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์ ด้วยขนาดที่เล็กจึงเหมาะกับบริเวณที่เล็กๆเช่นใต้ตาจมูก แต่ถ้าจะเอามาลงรองพื้นทั้งหน้าจะเสียเวลามาก ให้ไปใช้แปรงสำหรับลงรองพื้นที่ใหญ่กว่านี้ดีกว่าค่ะ
.
.
.
.
แปรงแบบที่ 6 Eyeshadow Brush ลักษณะแปรงแบบนี้เราจะเจอบ่อย เพราะมักจะมีอยู่ในเซตแปรงทุกเซตนะคะ ขนาดแตกต่างกันออกไปแล้วแต่การออกแบบของแบรนด์ ความฟูก็ต่างกันค่ะ ถ้าขนแน่นหน่อยก็จะแตะสีได้แน่น แต่เบลนยาก สีไม่สวยฟุ้ง ถ้าแปรงฟูหน่อยก็จะเบลนง่ายสีสวยแต่จิกสีไม่แน่นเท่า แล้วแต่โอกาสและความถนัดของแต่ละคน อย่างถ้าตัวอย่างในรูปจะมีความแน่น ครูชอบเอาไว้แตะสีและแตะบริเวณที่ต้องการเน้นสีชัดๆค่ะ
.
.
.
.
แปรงแบบที่ 7 Eyeshadow Brush เป็นแบบเดียวกับข้อ 6 ค่ะ แต่ว่าถ้าสังเกตแปรงจะมีขนไม่แน่นเท่า ดูฟูกว่า ถ้าบางครั้งอยากได้สีอายแชร์โดวฟุ้งๆ แปรงนี้จะทำได้ดีกว่าข้อ 6 อยู่ที่ว่าชอบลักษณะสีที่ขอบฟุ้งหรือไม่ฟุ้งนั่นเอง
.
.
.
.
แปรงแบบที่ 8 Crease Brush แปรงนี้ก็ยังคงทำงานกับEyeshadow นะคะ แต่ถ้าสังเกตดีๆขน ขนแปรงจะยาวและฟูมนตรงปลาย ตัวนี้เอาไว้ใช้แตะสีและเบลนให้สีอายแชร์โดวฟุ้งๆ ซึ่งจะทำได้ดีกว่าแปรงแบบด้านบน เพราะมีความมนกว่า แต่ก็มีข้อเสียตรงที่คอนโทรลยาก สาวมือใหม่ก็จะทำเลอะกันบ่อย ตรงนี้ต้องอาศัยการฝึกฝนบ่อยๆค่า
.
.
.
.
แปรงแบบที่ 9 Blender Brush แปรงตัวนี้เรียกว่า Must have คือควรมีเพราะใช้งานหลายหน้าที่ มัลติฟังชั่นมาก สังเกตว่าปลายจะมนแต่ไม่ฟูมาก มีไว้เบลนสีค่ะ เบลนตรงไหนบ้างก็ทุกตรงที่ต้องการสีนัวๆ อย่างเช่น เบลนสีตาให้นัวๆฟุ้งๆ เบลนสีหัวคิ้วให้นุ่มลงไม่เป็นเส้นๆ เบลนจมูกเพื่องัดดั้งให้ดูเหมือนมีดั้งขึ้นมา เป็นตัวที่ไม่ค่อยมีแยกขายเท่าไหร่ ทำหายแล้วเสียใจที่สุดในเซตล่ะค่ะ 555 แต่ละแบรนด์ก็มีขนาดต่างกันไปก็ดูว่าพื้นที่ที่เราใช้งานใหญ่หรือเล็กแล้วก็เลือกซื้อตามความเหมาะสมของพื้นที่ค่ะ
.
.
.
.
แปรงแบบที่ 10 Angled Brow Brush แปรงเขียนคิ้ว อันนี้จะดูง่ายค่ะ ขนจะแน่นและเฉียง เอาไว้เขียนคิ้ว แต่ละแบรนด์ก็จะมีความหนาและความยาวของขนแปรงไม่เท่ากันนะคะ ถ้าขนแปรงหนาจะได้เส้นที่หนาละมุนกว่า ถ้าขนแปรงแน่นและบางจะได้เส้นเล็กๆคมๆคล้ายใช้ดินสอเขียน อยู่ที่ว่าวันนั้นต้องการลุคแบบไหนค่ะ ถ้าเขียนคิ้วขอบฟุ้งก็จะดูหวานๆธรรมชาติ แต่ถ้าเส้นของคมก็จะดูเฉียว สวย บางทีครูก็เอาไปแตะอายแชร์โดวแล้วเขียนเส้นอายไลน์เนอร์ก็จะได้ตากลมโดตแบบไม่คมกริบก็จะหวานไปอีกแบบนะ จะดูละมุนๆ
.
.
.
.
แปรงแบบที่11 Brow Brush อันนี้บางคนเรียกว่าแปรงสกรู มีไว้หวีจัดแต่งทรงคิ้ว แปรงนี้ครูใช้บ่อยเวลาที่ต้องการเล็มขนคิ้วที่ยาวเกินไปก็ใช้แปรงนี้หวีให้เรียบร้อยก่อนอันไหนที่เกินออกมาก็ค่อยเล็มออกค่ะ
.
.
.
.
แปรงแบบที่ 12 Concealer Brush กลับมาที่แปรงเปียกอีกรอบ ดูลักษณะขนเล็ก แบน แน่น เหมาะสำหรับใช้แตะคอนซีลเลอร์เก็บบริเวณเล็กๆค่ะ สามารถเอาไปลบคิ้วที่เขียนเลอะเทอะได้ด้วยทำให้ได้คิ้วที่คมสวย หรือนำไปเก็บขอบปากเวลาที่เขียนลิปเลอะก็ได้ มัลติฟังชั่นอีกอันที่ต้องมี
.
.
.
.
แปรงแบบที่ 13 Concealer Brush แปรงคอลซีลเลอร์อีกตัวที่เล็กลงไปอีก แบบจิ๋วหลิวเลย ไว้ใช้แต้มจุดเล็กๆเช่นสิว อันนี้จะทำให้คอนโทรลขนาดของคอนซีลเลอร์เวลาเก็บรอยสิวได้ดีกว่าอันบนนะคะ เพราะเล็กกว่า
.
.
.
.
แปรงแบบที่ 14 Flat Eyeliner ลักษณะแบนขอบคมเรียบไว้ใช้กรีดอายไลน์เนอร์แบบเนื้อครีมค่ะ ซึ่งเราสามารถปรับมาใช้อับอายแชร์โดว์สีดำเพื่อให้ได้เส้นที่ฟุ้งและหวานกว่าได้นะคะ ใช้การค่อยๆแทบไปทีละนิดสำหรับมือใหม่ก็จะง่ายขึ้น
.
.
.
.
แปรงแบบที่15 Eyeliner Brush อันนี้จะเป็นแปรงที่ไม่ค่อยได้ใช้และลูกศิษย์ก็จะงงกันมากว่าเอาไว้ทำอะไร ขนแปรงจะยาวแต่เล็กกระจิ้ดเหมือนพู่กันระบายสี เอาไว้ใช้กรีดอายไลน์เนอร์เนื้อน้ำค่ะ ซึ่งก็ดูจะใช้ยากไปนิด ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคนด้วยค่ะ ถ้าใครมือใหม่แนะนำใช้อายไลน์เนอร์แบบเมจิกจะกรีดง่ายกว่าอันนี้เยอะเลย
.
.
.
.
อันนี้ถือว่าเป็นแปรงคร่าวๆที่เราจะได้เจอบ่อยๆและได้ใช้ในการแต่งหน้าส่วนใหญ่นะคะ แต่จริงๆแล้วยังมีแปรงหน้าตาหลากหลายเลยซึ่งวิธีการใช้ง่ายๆคือ แยกก่อนว่าใช้กับฝุ่นหรือน้ำ จากนั้นดูขนาดค่ะ ว่ามันเหมาะสมจะใช้กับบริเวณไหน พอจจะปรับใช้ส่วนอื่นด้วยได้มั้ย ความฟุ้งของแปรงตอบโจทย์ลุคที่เราต้องการหรือเปล่า
.
.
นอกนั้นก็คือความชอบส่วนตัวเช่นดีไซน์ ความนุ่มของแปรงค่ะ
.
.
ขอให้สนุกกับการแต่งหน้านะคะ
.
.
สุดท้ายของคุณตัวอย่างแปรงที่ทางร้าน Makeup Story ที่ให้มาเป็นแบบสาธิตชนิดของแรงแต่ละแบบด้วยนะคะ
.
.
สปอนเซอร์ครั้งนี้เซตแปรง Zoreya จากเพจ https://web.facebook.com/Makeup-Story-603779723148392/