ผิวของคนเราจะมีโครงสร้างดีหรือแย่ สวยไม่สวย เนียนไม่เนียน ทาครีมแล้วซึมเข้าส่วนไหน มันจะอยู่ที่ชั้นหนังกำพร้า ไม่ใช่ชั้นหนังแท้ ดังนั้นถ้าอยากผิวดีก็ต้องดูแลชั้นผิวกำพร้าให้แข็งแรงไว้ เพราะเรายังต้องเจอสิ่งทำร้ายผิวอื่่นๆอีก เช่น แสงแดด อายุ การลดลงของคอนลาเจน อิลาสติน การผลัดเซลล์ผิวที่แย่ลง ฯลฯ
ในการทาสกินแคร์พื้นฐาน ผิวชั้นนี้ต้องแข็งแรงก่อน คือการรักษาความชุ่มชื้น(น้ำ)และรักษาโครงสร้าง(กำแพงผิว)ให้เป็นปกติที่สุด ถ้าหากพื้นฐานไม่แข็งแรงก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมาเช่น ริ้วรอยก่อนวัย หน้าหมองคล้ำ หน้ามันเยิ้มสลับกับแห้งเป็นขุย ทาแป้งไม่ติด ทาครีมไม่ค่อยซึม
ซึ่งชั้นนี้จะแย่ลงจากอายุที่มากขึ้น จะเห็นชัดในช่วง30+ จากแสงแดด พฤติกรรม และการใช้สกินแคร์ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งทำให้ผิวชั้นนี้อ่อนแอ
ความสำคัญของผิวชั้นกำพร้านี้ คือเขามีโครงสร้างคล้ายกำแพงอิฐบ้านเรา ทำหน้าที่เป็นกำแพงปกป้องผิวเราให้อยู่ดีมีสุข เราอาจจะเจอสกินแคร์บางแบรนด์ใช้คำว่า “Skin Barrier” ซึ่งก็คือโครงสร้างผิวแบบกำแพงของเรานี่ล่ะ ดังนั้นถ้าลองดูดีๆ เราจะเจอคำว่า “Barrier Repair” “Skin Barrier” “Barrierx2” ในสกินแคร์หลายๆแบรนด์เลยค่ะ
ถ้าดูตามรูปด้านล่าง จะพอมองเห็นว่าหน้าตาโครงสร้างผิวชั้นหนังกำพร้าของเรา มีลักษณะเหมือนอิฐและปูนของกำแพงบ้านเราเลย ยังไม่ต้องซีเรียสเรื่องชื่อของแต่ละชั้นนะคะ เอาให้พอรู้ก่อนว่าผิวเรามีลักษะเหมือนกำแพง และก็ทำหน้าที่เป็นกำแพงให้ผิวเราด้วย
เครดิต: http://biology.ipst.ac.th/?p=3182
***สำคัญ ถ้าหากผิวเสียโครงสร้างกำแพงนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น?
ให้ลองคิดภาพง่ายๆ ว่าถ้ากำแพงบ้านของเราเป็นรู หรืออิฐเรียงตัวไม่ดีทำให้กำแพงพัง เกิดช่องโหว่ขึ้น นั่นหมายความว่า มันจะไม่สามารถป้องกันอันตรายอะไรให้คนในบ้านได้ กำแพงของผิวเราก็เช่นกัน
รูปด้านล่างคือตัวอย่างของโครงสร้างผิวปกติ และ โครงสร้างผิวที่เสีย
สังเกตว่า รูปด้านซ้ายมีการเรียงตัวแน่นหนาสมบูรณ์ สิ่งแปลปลอมต่างๆจะเข้าไม่ได้ และน้ำด้านล่างก็จะถูกกักเก็บไว้
ส่วนรูปด้านขวา โครงสร้างไม่สมบูรณ์ มีช่องโหว่ ทำให้น้ำออกมาด้านนอก และแบคทีเรียสามารถเข้าไปด้านในได้
Credit: https://www.laviol.com.au/post/enhance-our-skin-defence-barrier-function
หากเสียโครงสร้างกำแพงนี้ไป เราจะไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ให้ผิวเราได้เหมือนปกติ เมื่อเสียน้ำออกจากผิวมากขึ้นๆ ก็จะทำให้ผิวแห้งกร้าน สาก โทรม ทาแป้งไม่ติด ทารองพื้นเป็นขุย เริ่มมีริ้วตื้นๆก่อนวัยอันควร แม้กระทั่งสาวผิวมันบางคนก็เจอลักษณะนี้ได้นะคะ เรียกว่าผิวมันขาดน้ำ
นอกจากกันน้ำข้างในออกข้างนอกแล้ว ยังกันอันตรายจากข้างนอกเข้าข้างในผิวด้วย ได้แก่สิ่งแปลกปลอม แบคทีเรียต่างๆ ถ้าเข้าไปด้านในก็ทำให้เกิดการระคายเคือง แพ้หรือเป็นโรคได้ แบบที่บางคนเมื่อก่อนไม่เคยแพ้อะไรเลยพออายุเยอะขึ้นละผิวแห้งมากๆก็จะเริ่มแพ้นู้นนี่เยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจมีสาเหตุจากโครงสร้างผิวที่ไม่แข็งแรงพอ
และยังส่งผลต่อกระบวนการต่างๆของผิวเราด้วยเช่น รบกวนกระบวนการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ส่งผลให้หน้าหมองไม่สดใส, หากการผลัดเซลล์ผิวทำได้ไม่ดีก็จะมีบางส่วนอุดที่รูขุมขน บวกกับน้ำมันและแบคทีเรียก็จะเกิดสิวได้ง่ายขึ้นไปอีก, แถมถ้าผิวแห้งมากๆก็จะทำให้เกิดริ้วตื้นทั่วใบหน้าทำให้ดูแก่ขึ้นด้วย เรียกว่าทำให้เกิดแทบจะทุกปัญหาที่เรากลัวเลย แถมพอจะทาครีมเพื่อจัดการปัญหาพวกนี้ ครีมก็ไม่ค่อยซึมซะอีก เป็นอะไรที่ชวนปวดหัวสำหรับสาวๆหลายๆคน
Credit: Renée Rouleau Skin Care, https://www.youtube.com/watch?v=VPliGDobWkU
ดังนั้นพื้นฐานสกินแคร์ของเราควรมีมอยเจอร์ที่ดี ที่รักษาโครงสร้างของผิวเสมอ ปัญหาผิวต่างๆก็จะลดน้อยลงเพราะผิวเราแข็งแรง หรือถ้าเกิดปัญหาขึ้นก็จะแก้ไขหรือหายได้เร็วกว่าผิวที่เสียโครงสร้างและแห้งค่ะ
มอยเจอร์ไรซ์เซอร์เป็นสกินแคร์พื้นฐานที่ควรมีติดไว้ ส่วนจะเลือกใช้เนื้อแบบไหน แบรนด์ไหน ก็ต้องดูที่สภาพลักษณะผิวเรา เลเวลปัญหาผิว เนื้อสัมผัสของสกินแคร์ที่เหมาะสม และความชอบส่วนตัวด้วย หากเจาะลึกลงไปในสกินแคร์ประเภทมอยเจอร์ไรซ์เซอร์ จะยิ่งสนุกขึ้นค่ะ มีทั้งแบบครีม โลชั่น เอสเซ้น รวมถึงoil ที่กำลังมาแรงตอนนี้ เราจะมาดูกันในบทความถัดไป
Credit: Arganna thailand
ปล. ถ้าหากต้องการการบำรุงแบบล้ำลึกถึงชั้นหนังแท้จริงๆ ไปในฝั่งของการทรีตเม้นต์น่าจะตอบโจทย์ได้ตรงจุดกว่านะคะ
บทความหน้าเราจะมาดูกันว่า เรามีผิวลักษณะไหน ก่อนที่จะไปเลือกว่าใช้สกินแคร์ตัวไหนดีค่ะ